วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2551

คำถามท้ายบทที่ 1

1.คอมพิวเตอร์มีกี่ประเภท อะไรบ้าง พร้อมรูปประกอบ
            - คอมพิวเตอร์มีทั้งหมด 8 ประเภท คือ
                    1.ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supercomputer)

                    2. เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computer)

                    3.มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer)

                    4.เวิร์คสเตชัน (Workstation บางครั้งเรียก Supermicro)

                    5.ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer)

                    6.พีดีเอ (PDA-Personal Digital Assistant)

                    7.คอมพิวเตอร์เครือข่าย (Network Computers)

                    8.คอมพิวเตอร์แบบฝัง (Embedded Computers)



2.คอมพิวเตอร์แบบฝังคืออะไร

            -คอมพิวเตอร์แบบฝังคือ คอมพิวเตอร์ที่ถูกฝังไปในอุปกรณ์ต่างๆ ทำให้มองไม่เห็นจากรูปลักษณ์ภายนอกว่าเป็นคอมพิวเตอร์ นิยมใช้การทำงานเฉพาะด้าน โดยทำหน้าที่เป็นตัวควบคุมหน้าที่การทำงานบางอย่าง เช่นเตาอบไฟฟ้า นาฬิกาข้อมือ อุปกรณ์เล่นเกม



3.ข้อมูลและสารสนเทศแตกต่างกันอย่างไร

            -ข้อมูลคือข้อมูลดิบที่ได้มาจากหลายๆ ที่เป็นข้อมูลดิบยังไม่ได้ผ่านการกลั่นกรองเนื้อหาของแต่ละแหล่งจะตรงกันหรือแตกต่างกันเล็กน้อยและอาจจะไม่ต้องตามความต้องการ

              ซาเรซวิค และวูด ได้ให้คำนิยามสารสนเทศไว้ 4 นิยามดังนี้
1. สารสนเทศ คือ การเลือกสรรจากชุดของข่าวสารที่มีอยู่ เป็นการเลือกที่ช่วยลดความไม่แน่นอน หรือกล่าวได้ว่า สารสนเทศ คือ ข้อมูลที่ได้มีเลือกสรรมาแล้ว (เป็นข้อมูลที่มีความแน่นอนแล้ว) จากกลุ่มของข้อมูลที่มีอยู่
2. สารสนเทศ คือ ความหมายที่มนุษย์ (สั่ง) ให้แก ่ข้อมูล ด้วยวิธีการนำเสนอที่เป็นระเบียบแบบแผน
3. สารสนเทศ คือ โครงสร้างของข้อความใดๆ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ทาง จินตภาพ (ภาพลักษณ์) ของผู้รับ (ข้อความ หมายถึง ที่รวมของสัญลักษณ์ต่างๆ มีโครงสร้างที่มี จุดมุ่งหมาย โดยผู้ส่งมีเป้าหมายที่จะ เปลี่ยนแปลงโครงสร้างทาง จินตภาพ (+ความรู้สึกนึกคิด) ของผู้รับ(สาร)
4. สารสนเทศ คือ ข้อมูลที่มีค่าในการตัดสินใจ

            จากนิยามทั้ง 4 นิยามสามารถกล่าวโดยสรุปได้ว่า สารสนเทศ คือ ข้อมูลที่มีการปรับเปลี่ยน (Convert) ด้วยการจัดรูปแบบ (Formatting) การกลั่นกรอง (Filtering) และการสรุป (Summarizing) ให้เป็นผลลัพธ์ที่มี รูปแบบ (เช่น ข้อความ เสียง รูปภาพ หรือวีดิทัศน์) และเนื้อหาที่ตรงกับ ความต้องการ และเหมาะสมต่อการนำไปใช้



4. VLSI คืออะไรสำคัญต่อคอมพิวเตอร์อย่างไร

              -VLSI ย่อมาจาก very large scale integration (แปลว่า วงจรรวมความจุสูงมาก) หมายถึงการสร้างชิป (chip) โดยสามารถนำประตู (gate) มารวมกันได้ถึง 100,000 ประตูหรือมากกว่านั้น แล้วนำมาใช้เป็นตัวประมวลผล ทำให้คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลงได้มาก ในปัจจุบัน มีการสร้างชิปที่มีประตูมากยิ่งไป กว่านั้น เรียกว่า ULSI ( ultra large scale integraton หรือวงจรรวมความจุสูงยิ่ง) จากวงจรไอซีได้มีการพัฒนาวงจรรวมความจุสูงหรือแอลเอสไอ (Large Scale Integrated Circuit : LSI)ขึ้นมาใหม่ในปี พ.ศ.2513 ทำให้สามารถบรรจุวงจรทรานซิสเตอร์จำนวนหลายพันตัวลงบนแผ่นซิลิคอนขนาด 1/6 ตารางนิ้ว นับเป็นการเริ่มยุคที่สี่ของคอมพิวเตอร์ซึ่งอยู่ระหว่าง พ.ศ.2513 – 2532 และในปี พ.ศ. 2518 สามารถเพิ่มปริมาณวงจรหลายหมื่นวงจรลงบนซิลิคอนขนาดเท่าเดิม เรียกว่า วงจรรวมความจุสูงมากหรือวีแอลเอสไอ (Very Large Scale Integrated Circuit : VLSI) จากการประดิษฐ์วีแอลเอสไอสามารถนำมาสร้างเป็นไมโครโพรเซสเซอร์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นหน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียู (Central Processing Unit : CPU) ของคอมพิวเตอร์ และสามารถลดขนาดของคอมพิวเตอร์ให้เล็กลงจนสามารถตั้งบนโต๊ะทำงานในสำนักงาน หรือพกพาไปในที่ต่างๆ เหมือนกระเป๋าหิ้วได้ เรียกเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เกิดในยุคนี้ว่าไมโครคอมพิวเตอร์(Microcomputer)นอกจากนี้ ยังสามารถนำวงจรวีแอลเอสไอมาสร้างเป็นหน่วยความจำรองที่สามารถเก็บข้อมูลในระหว่างที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานได้ ทำให้ได้หน่วยความจำที่มีความจุมากขึ้น ประสิทธิภาพในการทำงานของคอมพิวเตอร์ยุคนี้จะมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว จนคอมพิวเตอร์นอกจากช่วยงานคำนวณแล้วยังสามารถทำงานเฉพาะทางอื่นๆ ได้มากกว่าช่วยงานคำนวณ เช่น การนำเสนอข้อมูลแบบสื่อประสม



5. นิสิตใช้คอมพิวเตอร์ในชีวิตประจำวันอย่างไรบ้าง

            -ใช้ความการค้นคว้าความรู้ ความบันเทิงต่างๆ ใช้ในการทำงานส่งอาจารย์ ใช้ติดต่อสื่อสาร


ที่มา : web.ku.ac.th/schoolnet/snet1/hardware/past/page2x.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

มิวชิค